เมนู

62. อรรถกถาอโวปุปผิยเถราปทาน

1

อปทานของท่านพระอโวปุปผิยเถระ มีคำเริ่มต้นว่า วิหารา อภินิกฺ-
ขมฺม
ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ผู้ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าพระองค์
ก่อนๆ สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้น ๆ ในกาลแห่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสิขี บังเกิดในเรือนมีตระกูล บรรลุเดียงสา
แล้วเพียบพร้อมด้วยศรัทธา ฟังพระธรรมเกิดความเลื่อมใส ถือเอาดอกไม้
ต่างๆ ด้วยมือทั้งสอง เกลี่ยไว้เบื้องบนพระพุทธเจ้า.
ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
เสวยสวรรค์สมบัติและจักรพรรดิสมบัติ อันเขาบูชาในที่ทุกสถาน ใน
พุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง เจริญวัยแล้วเลื่อมใส
ในพระศาสนา บวชแล้วไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์. ชื่อว่า อากาศ
เพราะอรรถว่า ว่างเปล่าคือโล่งแจ้งไปโดยรอบ. เพราะท่านได้โปรยดอกไม้
บนอากาศนั้น ท่านจึงปรากฏนามว่า อโวปุปผิยเถระ ดังนี้.
ท่านบรรลุสันติบทอย่างนี้แล้ว ระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิด
โสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า วิหาร-
อภินิกฺขมฺม
ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วิหารา ความว่า ชื่อว่า วิหาร เพราะ
เป็นที่นำมาโดยพิเศษ คือเป็นที่นำมา ได้แก่ยังอัตภาพอันไม่ตกไปให้
เป็นไปด้วยอิริยาบถ 4 ในวิหารนั้น. ออกจากวิหารนั้นโดยพิเศษยิ่ง. บทว่า
อพฺภุฏฐาสิ จ จงฺกเม ความว่า ได้ยืน คือขึ้นไปในที่จงกรม เพื่อจะจงกรม
โดยพิเศษ. บทว่า จตุสจฺจํ ปกาเสนฺโต เชื่อมความว่า เมื่อกำลังจงกรม
1. บาลี อาโปปุปผิยเถรปาทาน.

ในที่จงกรมนั้นทรงประกาศสัจจะ4 กล่าวคือทุกขสัจจะ สมุทยสัจจะ นิโรธ-
สัจจะ และมรรคสัจจะ ทำให้ปรากฏ ได้แก่ แสดง จำแนก กระทำให้ตื้น
ซึ่งอมตบท คือพระนิพพาน. บทว่า สิขิสฺส คิรมญฺญาย พุทฺธเสฏฐสฺส
ตาทิโน
ความว่า รู้คือทราบคำที่พึงเปล่ง คือเสียงประกาศของพระ.
พุทธเจ้าพระนามว่าสิขี ผู้ประเสริฐคือผู้ประกอบด้วยคุณ คือคงที่. บทว่า
นานาปุปฺผํ คเหตฺวา ความว่า ถือเอาดอกไม้หลายอย่าง มีดอกบุนนาค
อันประเสริฐเป็นต้น. บทว่า อากาสมฺหิ สโมกิรึ ความว่า ข้าพเจ้าได้
โปรยดอกไม้บูชาในอากาศ เหนือพระเศียรพระผู้พระภาคเจ้าผู้จงกรมอยู่.
บทว่า เตน กมฺเมน ทฺวิปทินฺท ความว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอม
คือเป็นประธานแห่งสัตว์ 2 เท้า คือเทวดาพรหมและมนุษย์ ข้าแต่
พระองค์ผู้องอาจกว่านระ คือผู้ประเสริฐกว่านระ. บทว่า ปตโตมฺหิ อจลํ
ฐานํ
ความว่า ข้าพระองค์บวชในสำนักพระองค์ บรรลุฐานะอันไม่
หวั่นไหว คือพระนิพพาน. บทว่า หิตฺวา ชยปราชยํ ความว่า ข้า-
พระองค์ละคือทิ้งชัยชนะ กล่าวคือทิพยสมบัติและมนุษยสมบัติ และความ
ปราชัยกล่าวคือทุกข์ในอบาย 4 บรรลุนิพพาน. คำที่เหลือมีอรรถรู้ได้
ง่ายทั้งนั้นแล.
จบอโวปุปผิยเถราปทาน

ปัจจาคมนิยเถราปทานที่ 3 (63)


ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกสาหร่าย


[65] ในกาลนั้น เราเป็นนกจักรพรากอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำสินธุ เรามี
สาหร่ายล้วน ๆ เป็นภักษา และสำรวมดีในสัตว์ทั้งหลาย เรา
ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีเสด็จไปในอากาศ จึงเอา
จะงอยปากดาบดอกสาหร่าย บูชาแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระนามว่าวิปัสสี.

ผู้ใดตั้งศรัทธาอันไม่หวั่นไหวไว้ด้วยดี ในพระตถาคตด้วย
จิตอันเลื่อมใสนั้น ผู้นั้นจะไม่ไปสู่ทุคติ การที่เราได้มาใน
สำนักพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐเป็นการมาดีหนอ เราเป็นนก
จักรพรากได้ปลูกพืชไว้ดีแล้ว.

ในกัปที่ 4 แต่กัปนี้ เราบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วย
ดอกไม้ใด ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่ง
พุทธบูชา ในกัปที่ 1 ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 8 ครั้ง ทรง
มีพละมาก ทรงพระนามเดียวกันว่า สุจารุทัสสนะ.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว
ดังนี้.
ทราบว่า ที่พระปัจจาคมนิเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประ-
การฉะนี้แล.
จบปัจจาคมนิยเถราปทาน